Sight & Sound: Critic’s Poll 2012
จัดอันดับหนังจากนิตยสาร Sight & Sound ของนักวิจารณ์เมื่อปี 2012
- Vertigo (1958) : Alfred Hitchcock ♥♥♥♥
“Vertigo มีความหลงใหล คลั่งไคล้ คิดครอบงำ คือความลึกล้ำของ Alfred Hitchcock ที่ต้องใช้การเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” - Citizen Kane (1941) : Orson Welles
“Citizen Kane หนังแนวทดลองที่ได้ชื่อว่าเป็นหนังสือเรียนของวิชาภาพยนตร์ ด้วยผลงานแสดงและกำกับโดยชายอัจฉริยะ Orson Welles ดูให้ได้ก่อนตาย นี่คือหนังที่สมบูรณ์ทุกองค์ประกอบเรื่องของโลก” - Tokyo Story (1953) : Japan – Yasujirō Ozu
“ผลงานระดับตำนาน กับผู้กำกับระดับตำนาน Yasujirō Ozu สไตล์การกำกับภาพที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อเรื่องที่กินใจ การตัดต่อ ใส่เสียงที่เรียบง่าย นุ่มนวล แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งไปถึงทรวง” - The Rules of the Game (1939) : France – Jean Renoir
“The Rules of the Game หนังของ Jean Renoir เป็นหนังที่มีความเป็นศิลปะที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่คนทุกคนจะเข้าใจ และตีความได้ตรงกับที่ผู้กำกับนำเสนอ แต่ความลึกล้ำนี้เป็นแม่พิมพ์ต้นฉบับของหนังทุกเรื่องในยุคปัจจุบัน” - Sunrise: A Song of Two Humans (1927) : F. W. Murnau ♥♥♥♥♡
“Sunrise: A Song of Two Humans คือหนังเงียบที่มีความไพเราะที่สุด” - 2001: A Space Odyssey (1968) : Stanley Kubrick
“2001 A Space Odyssey หนัง Sci-fi แห่งมวลมนุษย์ชาติ ที่ยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” - The Searchers (1956) : John Ford ♥♥♥♥♡
“The Searchers คือการออกเดินทางเพื่อค้นหาวิธีไถ่โทษตนเองของผู้กำกับ John Ford โดยมี John Wayne เป็นตัวตายตัวแทน” - Man with a Movie Camera (1929) : Dziga Vertov
“Man with a Movie Camera นี่คือหนังของคนทำหนัง ไม่ใช่หนังของนักดูหนัง จงใช้ตาดูอย่างใช้ใจดู แล้วคุณจะเห็นความน่าทึ่ง ความสวยงามและความล้ำยุค ที่ยอดเยี่ยมกว่าหนังสมัยนี้อีก” - The Passion of Joan of Arc (1928) : Carl Theodor Dreyer ♠♠♠♠♠
“อย่าริอาจเรียกตัวเองว่าคอหนัง ถ้ายังไม่เคยดู The Passion of Joan of Arc” - 8 1/2 (1963) : Italy – Federico Fellini
“Federico Fellini 8 1/2 เป็นหนังที่ผสมผสานระหว่าง Reality กับ Fantasy ได้อย่างลงตัวและน่าพิศวง ที่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเข้าใจได้ เรียกได้ว่าเป็นหนังที่มีอิสระภาพมากที่สุดในโลก” - Battleship Potemkin (1925) : Sergei Eisenstein
“Battleship Potemkin โดยผู้กำกับรุ่นบุกเบิก Sergei Eisenstein นี่คือหนังที่ทรงพลังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ต่อศาสตร์ภาพยนตร์ และต่อโลก” - L’Atalante (1934) : Jean Vigo ♥♥♥♥♡
“L’Atlante คือภาพยนตร์แห่งการเดินทางของความรักและชีวิตของผู้กำกับ Jean Vigo ที่มีความสวยงามที่สุดในโลก” - Breathless (1960) : Jean-Luc Godard ♥♥♡
“Breathless ของ Jean-Luc Godard จะทำให้คุณหยุดหายใจ เพราะขาดอาการหายใจ” - Apocalypse Now (1979) : Francis Ford Coppola
“Apocalypse Now หนังสงครามที่เจ๋ง และบ้าคลั่งที่สุดในโลก กำกับโดย Francis Ford Coppola” - Late Spring (1949) : Japan – Yasujirō Ozu
“Late Spring อีกหนึ่ง masterpiece ของ Yasujirō Ozu และ Setsuko Hara ในบท Noriko เรื่องราวของหญิงสาวในวัยที่ต้องแต่งงาน หนังแฝงแนวคิด เหตุผลของการแต่งงาน และบทสรุปที่ไม่ธรรมดา ตามสไตล์ของ Ozu” - Au Hasard Balthazar (1966) : France – Robert Bresson
“Au Hasard Balthazar นี่เป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตคน จากมุมมองของลาน้อยตัวหนึ่ง สไตล์กำกับของ Robert Bresson คนดูจะไม่สามารถรับรู้อารมณ์ของตัวละครหรือลาน้อยได้ แต่ความรู้สึกที่ได้จากการดู นี่เป็นประสบการณ์แปลกมาก ถ้าไม่ชอบก็เกลียดหนังไปเลย” - Seven Samurai (1954) : Japan – Akira Kurosawa
“Seven Samurai หนังของ Akira Kurosawa นำแสดงโดย Toshiro Mifune และ Takashi Shimura นี่คือหนัง Epic ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ห้ามตายก่อนได้ดูหนังเรื่องนี้เด็ดขาด!” - (=17) Persona (1966) : Ingmar Bergman ♥♥♥♥♡
“Persona คือกระจกสองด้านในชีวิตและการงานของ Ingmar Bergman ที่สะท้อนข้างหนึ่งคือ Bibi Andersson และอีกข้างคือ Liv Ullmann” - The Mirror (1975) : Andrei Tarkovsky ♥♥♥
“The Mirror กระจกสะท้อนชีวิตของผู้กำกับ Andrei Tarkovsky เขาไม่ได้อยากให้ใครเห็น จึงวางกลไกไว้อย่างลึกซึ้ง มีแต่ผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะเข้าไปถึงได้”
- Singin’ in the Rain (1951) : Stanley Donen
“Singin’ in the Rain นี่คือหนังที่ห้ามตายก่อนดู นำแสดงโดย Gene Kelly กำกับโดย Stanley Donen หนังเพลงที่สวยที่สุด ไพเราะที่สุด สนุกที่สุด และเป็นจุดสูงสุดของหนังเพลง hollywood” - L’Avventura (1960) : Michelangelo Antonioni ♥♥♥♥♡
“L’Avventura ชีวิตคือการเดินทาง เป้าหมายคืออะไร Michelangelo Antonioni ก็ตอบไม่ได้ เลยทิ้งปริศนาไว้ ให้ผู้ชมคิดวิเคราะห์ค้นหาเอง” - (=21) The Godfather (1972) : Francis Ford Coppola ♥♥♥♥♡
“The Godfather คือพ่อทูนหัวของวงการภาพยนตร์” - (=21) Le Mepris(1963) : France – Jean-Luc Godard
“Le Mepris อีกหนึ่ง masterpiece ของ Jean-Luc Godard ที่ต้องอาศัยการสังเกตและตีความพอสมควรถึงจะเข้าใจได้ ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจและชอบหนังเรื่องนี้” - Ordet (1955) : Carl Theodor Dreyer ♠♠♠♠♠
“Ordet ของ Carl Theodor Dreyer คือหนังพิสูจน์ศรัทธาสุดยิ่งใหญ่ ของผู้นับถือพระเจ้า เท่านั้น!” - (=24) In the Mood for Love (2000) : Wong Kar-Wai ♥♥♥♥♡
“In the Mood for Love ในห้วงอารมณ์รักสไตล์ลิสของ Wong Kar-Wai มี Tony Leung Chiu-Wai ที่จะโหยระลึกหา Maggie Cheung ไปชั่วนิรันดร์” - (=24) Rashomon (1950) : Japan – Akira Kurosawa
“Rashomon เป็นหนังที่มีการเล่าเรื่องเดียวกัน แบบต่างมุมมองที่ยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งงานภาพ ศิลป์ เพลงประกอบ กำกับโดย Akira Kurosawa นำแสดงโดย Toshiro Mifune แต่นี่ไม่ใช่หนังที่ทุกคนจะดูแล้วเข้าใจได้” - Andrei Rublev (1966) : Russia – Andrei Tarkovsky
“ใครดูหนังเรื่องนี้ไม่จบถือว่าพลาดแล้ว Andrei Rublev ความสวยงามบนความยิ่งใหญ่อลังการ ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ทำให้คุณทั้งเกลียดและหลงรักได้ในเรื่องเดียวกัน แต่ Andrei Tarkovsky ผู้กำกับชาวรัสเซียคนนี้ทำได้” - Mulholland Dr. (2002) : David Lynch
“Mulholland Drive หนังเกี่ยวกับความฝันและความจริง โดย David Lynch นี่คือหนังที่มีความซับซ้อนที่สุดในโลก” - Stalker (1979)
- (=29) Shoah (1985)
- The Godfather Part II (1974) : Francis Ford Coppola ♥♥♥♥
“The Godfather Part II ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ไม่แพ้ภาคแรก มีงานสร้าง เรื่องราว ที่ใหญ่โตกว่า แต่ถ้าถามภาคไหนเยี่ยมกว่า บอกเลยว่า ตอบไม่ได้” - (=31) Taxi Driver (1976) : Martin Scorsese ♥♥♥♥
“Taxi Driver คือจิตวิญญาณที่ล่องลอยของ Martin Scorsese และ Robert De Niro จนกลายเป็นความบ้าคลั่ง สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ” - Bicycle Thieves (1948) : Vittorio De Sica ♥♥♥♥♡
“Bicycle Thieves ของ Vittorio De Sica ได้ขโมย 2 อย่าง จักรยาน และหัวใจของผู้ชม” - The General (1926) : Clyde Bruckman & Buster Keaton ♥♥♥♥◊
“The General คือ Masterpiece ที่อเมริกันมากไปหน่อยของ Buster Keaton แต่ก็ยังสุดยอดด้วยเทคนิคที่เหนือชั้น อันตราย สมจริง เป็นหนังเกี่ยวกับรถไฟที่สนุกที่สุดและตลกที่สุดในโลก” - (=34) Psycho (1960) : Alfred Hitchcock ♥♥♥♥♡
“สิ่งที่ทำให้ Psycho เป็นผลงาน Masterpiece ของ Alfred Hitchcock และเป็นอมตะ คือ ความกลัวของมนุษย์ที่ปรากฎอยู่ในหนัง” - Metropolis (1927) : Fritz Lang ♥♥♥♥
“Metropolis คือสุดยอดหนัง Epic, Sci-Fi สุด Classic โดยผู้กำกับ Fritz Lang ที่ดีที่สุดในโลกก่อนการมาถึงของ 2001: A Space Odyssey” - (=36) Jeanne Dielman, 23 Quai du Commerce, 1080 Bruxelles (1975)
- (=36) Sátántangó (1994)
- The 400 Blows (1959) : French – François Truffaut
“François Truffaut กับ The 400 Blows หนัง Semi-Autobiographical ของผู้กำกับเอง ที่นำเสนอโลกของเด็กที่ทำให้ผู้ใหญ่ถึงกับสะอึก ทึ่งไปกับการแสดงของ Jean-Pierre Léaud และการกำกับภาพ โดยเฉพาะฉากวิ่งๆๆ ที่ยังเป็นที่กล่าวถึงในปัจจุบัน” - (=39) La Dolce Vita (1960) : Federico Fellini ♠♠♠♠♠
“La Dolce Vita ออกค้นหาปรัชญาแห่งความสุขในชีวิต ของผู้กำกับ Federico Fellini และนักแสดงนำ Marcello Mastroianni” - Journey to Italy (1954) : Roberto Rossellini ♥♥♥♥♡
“Journey to Italy คือเรื่องราวการผจญภัย มีไกด์คือ Roberto Rossellini ลูกทัวร์ประกอบด้วย Ingrid Bergman และ George Sanders ที่จะนำคุณผ่าน Naples เมืองแห่งความตายขึ้นสู่สวรรค์”
- (=41) Pather Panchali (1955) : India – Satyajit Ray
“Pather Panchali หนังเรื่องแรกของ The Apu Trilogy โดยบรมครูผู้กำกับหนังของอินเดีย Satyajit Ray ที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะการเล่าเรื่องที่มีความซื่อตรง บริสุทธิ์ที่สุด” - Pierrot le Fou (1965) : Jean-Luc Godard ♥♥♥♥♡
“Pierrot le Fou ของ Jean-Luc Godard ได้ทำลายกฎเกณฑ์การเล่าเรื่อง ด้วยการใช้อารมณ์ เป็นตัวดำเนินเรื่อง สวยงาม แตกต่าง ไม่เหมือนใคร” - (=43) Close-Up (1990) : Abbas Kiarostami ♥♥♥♥
“Close-Up ของผู้กำกับ Abbas Kiarostami ที่อาจไม่ใช่เป็นหนังที่ดีที่สุด แต่เป็นหนังที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของผู้กำกับมากที่สุด” - (=43) Some Like It Hot (1959) : Billy Wilder
“Some Like It Hot บางคนชอบเล่นกับไฟ กำกับโดย Billy Wilder นำแสดงโดย Marilyn Monroe, Tony Curtis และ Jack Lemmon นี่เป็นหนังที่ตลกที่สุดในโลก”
- (=43) Playtime (1967) : Jacques Tati ♥♥♥♥♡
“Playtime คือสวนสนุกที่ใช้พักผ่อนคลายเครียดของ Jacques Tati มีแห่งเดียวเท่านั้นในจักรวาล” - (=43) Gertrude (1964)
- Histoire(s) du Cinéma
- (=48) The Battle of Algiers (1966) : Italy – Gillo Pontecorvo
“The Battle of Algiers อีกหนึ่งสุดยอดหนังโดยผู้กำกับ Gillo Pontecorvo และเพลงประกอบโดย Ennio Morricone นี่คือหนังต้นแบบของการต่อสู้สงครามแบบ Guerrilla ที่มีอิทธิพลต่อผู้ก่อการร้ายทั่วโลก” - City Lights (1931) : Charlie Chaplin ♥♥♥♥♥
“City Lights ของ Charlie Chaplin มีฉากจบที่สวยงามที่สุดในโลก” - (=50) Ugetsu (1953) : Kenji Mizoguchi ♥♥♥♥♡
“Ugetsu คือภาพวาด Masterpiece ของสายฝนยามแสงจันทรา ที่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยผู้กำกับ Kenji Mizoguchi” - (=50) La Jetée (1962) : Chris Marker ♥♥♥♥
“La Jetée หนังสั้นโดยผู้กำกับ Chris Marker มีความแปลกประหลาดในการนำเสนอ ที่สร้างความลึกล้ำ สวยงาม ไม่เหมือนใคร” - North by Northwest (1959) : Alfred Hitchcock ♥♥♥♥♡
“North by Northwest ของ Alfred Hitchcock อาจไม่ได้มีความตื่นตาเหมือนหนัง Action สมัยใหม่ แต่มีความตื่นใจจากความระทึกขวัญสุดตื่นเต้น ในทุกเทคนิคการนำเสนอ” - (=53) Rear Window (1954) : Alfred Hitchcock ♥♥♥♥♡
“Rear Window อีกหนึ่ง Masterpiece ของ Alfred Hitchcock มี James Stewart ที่ถึงจะนั่งอยู่เฉยๆ แต่ก็มีส่วนร่วมกับหนังอย่างที่สุด” - (=53) Raging Bull (1980) : Martin Scorsese ♠♠♠♠♠
“Raging Bull ชีวิตต้องเอาหัวพุ่งชนเหมือนกระทิง ภาพยนตร์อัตชีวประวัติของทั้งนักมวย Jack LaMotta ผู้กำกับ Martin Scorsese และนักแสดงนำ Robert De Niro” - M (1931) : Germany – Fritz Lang
“M ผลงาน masterpiece หนังเสียงเรื่องแรกของผู้กำกับ Fritz Lang ว่ากันว่านี่คือหนัง Serial-Killer เรื่องแรกของโลก นำแสดงโดย Peter Lorre ใบหน้าฆาตกรของเขากลายภาพติดตาของคนทั้งโลก คอหนังคลาสสิคไม่ควรพลาด” - The Leopard (1963) : Italian – Luchino Visconti
“The Leopard โดยผู้กำกับ Luchino Visconti หนึ่งในหนังที่มีภาพสวย เพลงเพราะที่สุดในโลก” - (=57) Touch of Evil (1958) : Orson Welles ♥♥♥♥
“Touch of Evil เป็นจดหมายสั่งลา hollywood ของ Orson Welles ที่มี Charlton Heston เล่นเป็น Mexican” - Sherlock Jr. (1924) : Buster Keaton ♥♥♥♥◊
“Sherlock Jr. คือหนังแพรวพราวด้วยเทคนิคที่สุดของ Buster Keaton ที่แฟนเดนตายจะว่ายอดเยี่ยมกว่าหนังเรื่องไหนของ Charlie Chaplin เสียอีก” - (=59) Barry Lyndon (1975)
- (=59) The Mother and the Whore (1973) : Jean Eustache ♥♥♥♡
“The Mother and the Whore ของ Jean Eustache คือ Masterpiece ที่ทำให้คุณรู้สึกเบื่อสุดขีด แต่มันก็มีเหตุผลของมัน ที่อาจต้องให้นักประวัติศาสตร์ หรือชาวฝรั่งเศสเท่านั้นถึงเข้าใจได้” - (=59) Sansho the Bailiff (1954) : Japan – Kenji Mizoguchi
“Sansho the Bailiff เป็นหนังเกี่ยวกับความหมายของ ‘ความเป็นมนุษย์’ นี่อาจเป็นหนังที่ดูขาดๆเกินๆ และเห็นแก่ตัวเสียหน่อย แต่คอหนังของ Kenji Mizoguchi ไม่ควรพลาด” - Wild Strawberries (1957) : Ingmar Bergman ♥♥♥♡
“Wild Strawberries ของ Ingmar Bergman จะทำให้คุณหวนระลึกถึงอดีต และค้นหาคุณค่าชีวิตของตัวเอง” - (=63) Modern Times (1936) : Charlie Chaplin ♥♥♥♥♡
“Modern Times คือหนังเงียบเรื่องสุดท้ายของ Charlie Chaplin ในบท The Tramp ที่ยุคสมัย Silent Era พ่ายแพ้กับให้กับโลกยุคใหม่ Modern Era นี่เป็นหนังที่ดูเมื่อไหร่ก็ไม่เก่าเลยและต้องดูให้ได้ก่อนตาย” - (=63) Sunset Boulevard (1950) : Billy Wilder ♥♥♥♥♡
“Sunset Blvd. ของ Billy Wilder สร้างขึ้นเพื่อคนรักหนังโดยเฉพาะ สำหรับเป็นอุทาหรณ์สอนใจ เบื้องหน้าวงการมายาที่ยิ่งใหญ่ ข้างหลังนั้นไซร้ ใช่ว่าจะสวยงาม” - (=63) The Night of the Hunter (1955) : Charles Laughton ♥♥♥♥♡
“The Night of the Hunter คือนิทานก่อนนอนชั้นเลิศ สอนเด็กๆได้สาระ สอนผู้ใหญ่ได้ปัญญา สะท้อนเรื่องราวทางสังคมได้ทุกระดับ” - (=63) Pickpocket (1959) : France – Robert Bresson
“ไม่คิดว่าจะมีหนังเรื่องไหนที่เข้ากับสไตล์การกำกับของ Robert Bresson ได้มากกว่า Pickpocket อีกแล้ว” - (=63) Rio Bravo (1959) : Howard Hawks ♥♥♥♡
“Rio Bravo ของผู้กำกับ Howard Hawks และ John Wayne ให้นิยามความเป็น’อเมริกันชน’ได้ตรงตัวที่สุด” - Blade Runner (1982) : Ridley Scott ♥♥♥♡
“Blade Runner ภาพยนตร์อภิมหาไซไฟตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ มีเอ็ฟเฟ็กตระการตายิ่งใหญ่ และเพลงประกอบสุดล้ำยุคสมัย สร้างโดยผู้กำกับ Ridley Scott และนำแสดงโดย Harrison Ford” - (=69) Blue Velvet (1986) : David Lynch ♥♥♥♥
“Blue Velvet หนังตีแผ่ด้านมืดของสังคมและจิตใจมนุษย์ โดยผู้กำกับ David Lynch ที่ดูจบแล้วจะทำให้คุณอารมณ์นัวร์ๆ” - (=69) Sans Soleil (1983) : Chris Marker ♥♥♥♥
“Sans Soleil ภาพยนตร์สารคดีของ Chris Marker จดบันทึกเรื่องราวการเดินทางได้อย่างสวยงาม และมีสัมผัสสอดคล้องราวกับบทกวี” - (=69) A Man Escaped (1956)
- The Third Man (1949) : Carol Reed
“Carol Reed กำกับ The Third Man หนัง British ที่ยอดเยี่ยมที่สุด กับการแสดงของ Joseph Cotten และ Orson Welles เราจะได้เห็นงานภาพที่แปลกๆ เครื่องดนตรี zither การตัดต่อที่รวดเร็วฉับไว เป็นส่วนผสมที่แปลกแต่ลงตัวแบบสุดๆ” - (=73) L’Eclisse (1962) : Michelangelo Antonioni ♥♥♥♥
“L’Eclisse ของผู้กำกับ Michelangelo Antonioni มีความทะเยอทะยานเป็นที่สุด อดีต ปัจจุบัน อนาคตและ Beyond” - (=73) Children of Paradise (1945) : Marcel Carné ♥♥♥♥♡
“Children of Paradise คือจดหมายรักต่อศิลปะการแสดงทุกแขนง หนึ่งในหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฝรั่งเศส โดยผู้กำกับ Marcel Carné นำแสดงโดย Jean-Louis Barrault” - (=73) The Grand Illusion (1937) : France – Jean Renoir
“La Grande Illusion หนังสงครามที่ไม่มีฉากสงครามของ Jean Renoir พบสุดยอดการแสดงของ Jean Gabin และ Erich von Stroheim ดูแล้วคุณจะเข้าใจว่า สงครามคืออะไร!” - (=73) Nashville (1975)
- Chinatown (1974)
- (=78) Beau Travail (1999)
- (=78) Once Upon a Time in the West (1968)
- (=78) The Magnificent Ambersons (1942)
- (=78) Lawrence of Arabia (1962) : David Lean
“Lawrence of Arabia ภาพจากหนังมีความสวยงามในระดับที่สุดที่กล้องถ่ายภาพจะสามารถบันทึกได้ และเพลงประกอบที่ไพเราะที่สุดในโลก นี่คือหนังที่ต้องดูให้ได้ ห้ามตายก่อนดู” - (=78) The Spirit of the Beehive (1973) : Víctor Erice ♥♥♥♥
“The Spirit of the Beehive คือ ประวัติศาสตร์โดยย่อยุคเผด็จการ Franco ของสเปน ในคราบการเติบโตของเด็กน้อยไร้เดียงสา ผลงาน Masterpiece ของ Víctor Erice และสุดยอดการแสดงของเด็กหญิง Ana Torrent”
- Fanny and Alexander (1984) : Ingmar Bergman
“Fanny and Alexander หนัง Drama-Period เรื่องสุดท้ายของ Ingmar Bergman เนื้อเรื่องที่เข้มข้น การถ่ายภาพ ออกแบบฉาก ชุดเสื้อผ้าที่จัดเต็ม นี่เป็นหนังที่มีแฝงแนวคิดการใช้อำนาจในครอบครัวได้อย่างยอดเยี่ยม” - (=84) Casablanca (1942) : Michael Curtiz ♥♥♥♥♡
“Casablanca เป็นหนังที่ทำตัวเหมือนหญิงสาว ให้เราตกหลุมรักแล้วแยกจาก กาลเวลาผ่านไปกลับมารับชมอีก เกิดความหวนระลึกนึกถึงอดีต พอหนังจบก็เล่นตัวจากไปอีก” - (=84) The Color of Pomegranates (1969) : Sergei Parajanov ♥♥♥♥
“The Color of Pomegranates เป็นหนังดูด้วยตาไม่มีวันเข้าใจ ดูด้วยสมองยังไม่แน่ว่าจะรู้เรื่อง ต้องใช้จิตวิญญาณสัมผัสเอาเท่านั้น จะรู้ว่านี่คือสุดยอดหนัง”
- (=84) Greed (1924) : Erich von Stroheim ♥♥♥♡
“Greed ของ Erich von Stroheim คือ หนังที่สมบูรณ์แบบในความไม่สมบูรณ์” - (=84) A Brighter Summer Day (1991) : Edward Yang ♥♥♥♥♡
“A Brighter Summer Day คือจักรวาลชีวิตของผู้กำกับ Edward Yang” - (=84) The Wild Bunch (1969) : Sam Peckinpah ♥♥♥♡
“The Wild Bunch นำโดยหัวโจ๊ก Sam Peckinpah บรรจงนำเสนอความรุนแรงออกมาในระดับที่อาจยินยอมรับไม่ได้ แต่ในความอัปลักษณ์เลือดท่วมนั้นมีความสวยงามสมบูรณ์แบบ” - Partie de Campagne (1936)
- (=90) Aguirre: The Wrath of God (1972) : Germany – Werner Herzog
“Aguirre, the Wrath of God หนังอาจจะสวยงาม สมจริงและดูยิ่งใหญ่ แต่แลกมาด้วยกับการเสี่ยงตายที่ไร้สาระ มีนักแสดงสุดบ้า Klaus Kinski ต่อกรกับผู้กำกับโคตรบ้า Werner Herzog เป็นมวยคู่ที่สมศักดิ์ศรีสุดๆ” - (=90) A Matter of Life and Death (1946)
- (=90) The Seventh Seal (1957) : Ingmar Bergman ♥♥♥♥
“The Seventh Seal ของ Ingmar Bergman ได้ทำให้ความตายกลายเป็นอมตะ” - (=90) Un Chien Andalou (1929) : Luis Buñuel ♥♥♥♥
“Un Chien Andalou หนังสั้น Surrealist เรื่องแรกของโลก ที่สุดบ้าคลั่งของ Luis Buñuel และ Salvador Dalí มีความเฉพาะตัวสูงมากๆ ไม่เหมาะกับทุกคน” - (=90) Intolerance (1916) : D.W. Griffith
“Intolerance หนัง Epic อลังการระดับตำนานที่มีการตัดต่ออันเหนือชั้น เปรียบเหมือนตำราเรียนขึ้นหิ้งโดยบรมครู D.W. Griffith”
- (=90) Yi Yi (2000) : Edward Yang ♥♥♥♥♥“Yi Yi ของ Edward Yang เป็นหนังครอบครัวระดับ MASTERPIECE ที่ต้องดูให้ได้ก่อนตาย”
- (=90) The Life and Death of Colonel Blimp (1943)
- (=90) Touki Bouki (1973)
- (=90) Ali: Fear Eats the Soul (1974)
- (=90) Imitation of Life (1959)
- (=90) The Earrings of Madame De… (1953)
- Wavelength (1967)
- (=102) The Conformist (1970) : Bernardo Bertolucci ♥♥♥♥
“The Conformist คือทัศนะทางการเมืองของ Bernardo Bertolucci นำเสนอด้วยความรู้สึกผ่านตัวละครของ Jean-Louis Trintignant ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” - (=102) The Traveling Players (1975)
- (=102) Meshes of the Afternoon (1943)
- (=102) Two or Three Things I Know About Her (1967) : Jean-Luc Godard ♥♥♥
“Two or Three Things I Know About Her คือ Essay เรียงความฉบับภาพยนตร์ของ Jean-Luc Godard ที่ใช่ว่าจะมีคนอยากอ่านเสียเท่าไหร่”
- (=102) The Tree of Life (2011) : Terrence Malick ♥♥♥♥♡
“Tree of Life คือการค้นหาทางจิตวิญญาณของ Terrence Malick เฉพาะผู้ถูกเลือกเท่านั้นที่จะพบเห็นความสวยงามของชีวิต” - (=102) Ivan the Terrible (1944, 1958) : Sergei Eisenstein ♥♥♥
“Ivan the Terrible คือจุดสิ้นสุดของ Sergei Eisenstein ทั้งยุคสมัยและชีวิต”
- (=102) Last Year at Marienbad (1961) : Alain Resnais ♠♠♠♠♠
“Last Year at Marienbad ของ Alain Resnais มีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่รู้ อาจมีเกิดขึ้น ไม่มีเกิดขึ้น หรืออาจมีไม่มีเกิดขึ้นก็ได้” - The Lady Eve (1941)
- (=110) Los Olvidados (1950) : Luis Buñuel ♥♥♥♥
“Los Olvidados ในมุมมองของ Luis Buñuel โลกใบนี้โหดโฉดเลวร้ายสิ้นดี นี่เป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับให้ได้” - (=110) Bringing Up Baby (1938) : Howard Hawks ♥♥♥♥♡
“Bringing Up Baby หนังตลกไร้สาระขบขันที่สุดของ Howard Hawks กับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ Katharine Hepburn และ Cary Grant” - (=110) Performance (1970)
- (=110) The Passenger (1974)
- (=110) Viridiana (1961) : Luis Buñuel ♥♥♥
“Viridiana เป็นหนังที่น่าจะเxย เลวร้ายที่สุด ที่ Luis Buñuel จะสามารถสร้างให้ออกฉายได้” - (=110) L’Age d’Or (1930) : Luis Buñuel ♥♥♥♡
“L’Age d’Or เป็นหนัง Surrealist ขนาดยาวเรื่องแรกของ Luis Buñuel และ Salvador Dalí ที่เพิ่มความท้าทายคือการเสียดสีวิถี ความเชื่อที่เห็นแล้วแสบๆคันๆ เกายังไงก็ไม่หาย” - A Canterbury Tale (1944)
- (=117) Mouchette (1967) : Robert Bresson ♥♥♡
“Mouchette สาวน้อยผู้น่าสงสาร ดีแล้วที่ตอนจบเธอจากไป โลกใบนี้ที่ Robert Bresson สร้างมา มันช่างไม่น่าอภิรมย์เสียเลย” - (=117) Dr. Strangelove (1964) : Stanley Kubrick ♥♥♥♥♥
“Dr. Strangelove ได้พลิกโลกให้กลับตารปัตร นำเรื่องอึดอัดอั้น อกแตกตาย มาทำการเสียดสี ล้อเลีย(น) น้ำแตก ขี้กระจาย” - (=117) Nosferatu (1922) : F. W. Murnau ♥♥♥♡
“Nosferatu ฉบับของ F. W. Murnau แม้จะไม่สามารถหลอกหลอนผู้ชมปัจจุบันได้ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ Dracula ที่ยิ่งใหญ่” - (=117) The Red Shoes (1948) : Michael Powell & Emeric Pressburger
“The Red Shoes หนังที่สมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน ภาพสวย เพลงเพราะ ตัดต่อฉับไว ออกแบบฉากอลังการ โดยผู้กำกับ Michael Powell & Emeric Pressburger พบกับสุดยอดการแสดงบัลเล่ต์ของ Moira Shearer และการแสดงของ Anton Walbrook ที่ลึกล้ำ คอหนังไม่ควรพลาด”
- (=117) Trouble in Paradise (1932)
- (=117) A City of Sadness (1989) : Taiwan – Hou Hsiao-Hsien
“Hou Hsiao-Hsien สามารถถ่ายทอดบรรยากาศ ความรู้สึกของผู้คนในช่วง การสังหารหมู่ 228 ออกมาใน A City of Sadness ได้สมจริงและเหนือชั้นมากๆ”
- (=117) Amarcord (1972) : Italy – Federico Fellini
“Amarcord หนังสุด nostalgia ที่จะนำคุณไประลึกถึงความหลังวัยเด็กได้อย่างสมจริงและเพลิดเพลินไปกับเพลงประกอบที่แสนไพเราะโดย Nino Rota อีกหนึ่ง masterpiece ของ Federico Fellini ที่คอหนังห้ามพลาด” - (=117) The Man Who Shot Liberty Valance (1962) : John Ford ♥♥♥♥♡
“The Man Who Shot Liberty Valance ไม่ว่า John Wayne หรือ James Stewart จะเป็นคนยิง แต่ผู้ได้รับเสรีภาพคือ John Ford”
- (=117) Days of Heaven (1978) : Terrence Malick ♥♥♥♥
“Days of Heaven คือภาพความทรงจำวันวานของ Terrence Malick ที่สวยงามราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์”
- Spring in a Small Town (1948) : China – Fei Mu
“Spring in a Small Town หนังจีนแผ่นดินใหญ่ที่สุดคลาสสิค มีความสวยงาม เนื้อเรื่องที่แฝงตัวตนของผู้กำกับ ฤาผู้กำกับ Fei Mu จะเป็นคนที่ถูก underrated ที่สุดในเอเชีย” - (=127) Do the Right Thing (1989)
- (=127) Out 1 (1990)
- (=127) สัตว์ประหลาด (2004) : อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล
“หนังไทยที่ยอดเยี่ยมที่สุด!”
- (=127) The River (1951) : France – Jean Renoir
“The River อีกหนึ่ง masterpiece ของ Jean Renoir กับการเปิดโลกทัศน์ของชาวตะวันตกต่อประเทศ India ที่มีความสวยงาม ไพเราะ ที่แตกต่างในเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต คนสมัยนี้อาจจะไม่ประทับใจอะไรกับหนังมาก แต่มันคือความคลาสสิคที่กลายเป็นอมตะ”
- (=127) Jules et Jim (1962) : François Truffaut ♥♥♥♥
“Jules et Jim เป็นหนังที่เต็มไปด้วยภาษาภาพยนตร์ในสไตล์ของ François Truffaut กับสุดยอดการแสดงของ Jeanne Moreau ถ่ายภาพโดย Raoul Coutard และเพลงประกอบสุดไพเราะโดย Georges Delerue” - (=127) Pulp Fiction (1994) : Quentin Tarantino ♥♥♥♥
“Pulp Fiction คือตั๋วหนังราคาถูกของ Quentin Tarantino แต่คุณภาพความบันเทิงกลับล้นคลั่ง” - (=127) Meet Me in St. Louis (1944) : Vincente Minnelli ♥♥♥♥♥
“Meet Me in St. Louis ยังคงสวยสดใส เหมือนการหวนระลึกถึงความทรงจำวัยเด็ก อิ่มเอิบ อบอุ่น สุขใจ และอาจเป็นหนังยอดเยี่ยมที่สุดของ Judy Garland” - (=127) L’argent (1983)
- (=127) Ikiru (1952) : Japan – Akira Kurosawa
“Ikiru หนังของ Akira Kurosawa นำแสดงโดย Takashi Shimura นี่คือหนังที่ต้องดูให้ได้ก่อนตาย คุณค่าของหนังเรื่องนี้คือการคิดตามเมื่อดูจบ ว่าฉันเกิดมาเพื่ออะไร? มีชีวิตที่คุ้มค่าหรือไม่?” - (=127) Three Colors: Blue (1993)
- (=127) Don’t Look Now (1973) : Nicolas Roeg ♥♥♥♥♡
“Don’t Look Now ของ Nicolas Roeg ท้าทายความคิดของมนุษย์กับความเชื่อในสิ่งลึกลับ สุดยอดทั้งงานภาพ ตัดต่อ และการแสดงของ Donald Sutherland กับ Julie Christie” - (=127) Celine and Julie Go Boating (1974)
- (=127) Annie Hall (1977) : Woody Allen ♥♥♥♡
“Annie Hall ไม่ใช่แค่หนังรักรอมคอมของ Woody Allen กับ Diane Keaton แต่คืออัตชีวประวัติเรื่องเยี่ยมที่สุดในโลก” - (=127) The Apartment (1960) : Billy Wilder
“The Apartment หนังที่ต้องดูให้ได้ก่อนตายของ Billy Wilder นำแสดงโดย Jack Lemmon กับ Shirley MacLaine เพลงประกอบสุดไพเราะ Jealous Lover ที่ดูจบแล้วคุณจะหลงใหลในหนังเรื่องนี้”
- (=127) The Last Laugh (1924) : F. W. Murnau ♥♥♥♥♡
“The Last Laugh คือหนังเงียบที่แท้จริง”
- (=127) Hiroshima mon amour (1959) : Alain Resnais ♥♥♥♥♡
“Hiroshima mon amour ของ Alain Resnais คือจดหมายรัก ที่ย้ำเตือนไม่ให้ผู้ชมลืมเลือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Hiroshima นำแสดงโดย Emmanuelle Riva และ Eiji Okada” - Blow-Up (1966) : Michelangelo Antonioni ♥♥♥♥♡
“Blow-Up ของผู้กำกับ Michelangelo Antonioni เป็นเทรนด์แฟชั่นที่แม้ปัจจุบันอาจดูตกยุค แต่ยังมีความล้ำสมัย” - (=144) The Great Dictator (1940) : Charlie Chaplin ♥♥♥♡
“The Great Dictator คือความตั้งใจอันดีของ Charlie Chaplin แต่ก็ทำให้รู้ว่าหนังพูดไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่” - (=144) Memories of Underdevelopment (1966)
- (=144) Diary of a Country Priest (1951) : Robert Bresson ♥♥
“Diary of a Country Priest ของ Robert Bresson อาจเป็นหนัง Catholic ที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่กับศาสนาอื่น” - (=144) Chungking Express (1994) : Wong Kar-wai ♥♥♥♥♥
“Chungking Express หนังที่มีเรื่องราวและบรรยากาศสไตล์ของ Wong Kar-Wai ที่จะทำให้คุณอกหัก ตกหลุมรัก แล้วจะอกหัก และตกหลุมรัก อย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
- (=144) To Be or Not to Be (1942)
- (=144) A Woman Under the Influence (1974)
- (=144) Napoléon (1927) : Abel Gance ♥♥♥♥
“Napoléon อีกหนึ่ง Holy Grail ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพราะเรื่องราวที่ค้างคา แต่คุณภาพเป็นเลิศ”
- (=144) Vivre sa vie (1962) : Jean-Luc Godard ♥♥♥♡
“Vivre sa vie การสร้างทฤษฎีปรัชญาด้วยภาษาภาพยนตร์ของ Jean-Luc Godard เป็น Masterpiece ที่คงหาดูที่ไหนอีกไม่ได้แล้ว” - (=144) The Wizard of Oz (1939) : Victor Fleming ♥♥♥♥
“The Wizard of Oz แม้จะไม่ใช่หนังที่ยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ แต่ไม่เคยมีใครหยุดพูดถึง เด็กๆรับชมจะเรียนรู้จดจำนำไปเป็นแบบอย่าง ส่วนผู้ใหญ่จะมองเห็นความคุณค่าในสิ่งที่ต่างออกไป” - Marketa Lazarová (1967)
- (=154) Caché (2005)
- (=154) The Shining (1980) : Stanley Kubrick ♥♥♥♥
“The Shining คือความเสียสติแตกของ Jack Nicholson แต่ผู้กำกับ Stanley Kubrick ถือว่าบ้าคลั่งไร้สติสมประดี” - (=154) Solaris (1972) : Russia – Andrei Tarkovsky
“Solaris กำกับโดย Andrei Tarkovsky สวยงาม ลึกซึ้ง ถ้าเปรียบ 2001 A Space Odyssey คือด้านสว่างของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับจักรวาล Solaris คือด้านมืดที่อยู่ข้างในจิตใจของมนุษย์และจักรวาล” - (=154) Chimes at Midnight (1965) : Orson Welles ♥♥♥♥♡
“Chimes at Midnight เป็น magnum opus ของ Orson Welles คือชีวิตจริง ตัวตน ปรัชญา ความไม่อยากแต่จำเป็น โอ้! ทำไมชีวิตของอัจฉริยะถึงได้เป็นแบบนี้”
- (=154) The Gold Rush (1925) : Charlie Chaplin ♥♥♥♥♡
“The Gold Rush ทองแท้อยู่ในภูเขา เช่นเดียวกับจิตใจที่ดีของคนอยู่ภายใน ไม่ใช่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอก” - (=154) Letter From an Unknown Woman (1948)
- (=154) Brief Encounter (1945) : David Lean ♥♥♥♥♡
“Brief Encounter ของ David Lean มีความอมตะที่สวยงาม กับความรักที่อยู่ในธรรมเนียม” - (=154) In a Lonely Place (1950)
- (=154) Black Narcissus (1947) : Michael Powel & Emeric Pressburger
“Black Narcissus โดยผู้กำกับ Michael Powell และ Emeric Pressburger นำแสดงโดย Deborah Kerr พบกับเรื่องราวที่แฝงแนวคิด เชิงจิตวิทยาวิเคราะห์ที่ตัวละครมีความลึกลับซ้ำซ้อน ภาพสวย ออกแบบฉากยอดเยี่ยม จัดเป็นอีกหนึ่งสุดยอดหนังที่ไม่ควรพลาด”
- (=154) My Neighbor Totoro (1988) : Hayao Miyazaki ♥♥♥♥
“My Neighbor Totoro คือเพื่อนรักในจินตนาการของ Hayao Miyazaki ที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งวงการภาพยนตร์” - (=154) Only Angels Have Wings (1939) : Howard Hawks ♥♥♥♡
“Only Angles Have Wings คือคำอธิษฐานของผู้กำกับ Howard Hawks ที่อยากแก้ตัวใหม่ในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไป”
- (=154) Vampyr (1932) : Carl Theodor Dreyer ♥♥♥♥
“Vampyr หนังแวมไพร์ขึ้นหิ้งของ Carl Theodor Dreyer แค่เพียงเงา ก็ทำให้คุณฝันร้ายได้”
- (=154) Come and See (1985) : Elem Klimov ♥♥♥♥♡
“Come and See เข้ามาและหันหน้ายอมรับกับความจริงในสิ่งที่เคยเกิดขึ้น สุดยอดหนังที่มีความทรงพลัง ทั้งงานภาพ เสียง การแสดง ตัดต่อ นี่คือหนังเกี่ยวกับสงครามที่ดีที่สุดในโลก” - (=154) Distant Voices, Still Lives (1988)
- (=154) Once Upon a Time in America (1983)
- (=154) Cries and Whispers (1972) : Ingmar Bergman ♥♥♥♡
“Cries and Whispers ของ Ingmar Bergman ถ้าหนังไม่ทำให้คุณร้องไห้ ก็จะได้ยินแค่เสียงกระซิบกระซาบ”
- King Kong (1933) : Merian C. Cooper & Ernest B. Schoedsack
“King Kong ต้นฉบับ 1933 มีก้าวกระโดดที่สำคัญต่อวงการ Visual Effect และเพลงประกอบหนัง แต่เดินถอยหลังด้วยแนวคิด Racism ที่ชั่วร้ายมาก” - (=171) The Werckmeister Harmonies (2000)
- (=171) Star Wars (1977)
- (=171) Notorious (1946) : Alfred Hitchcock ♥♥♥♥
“ยิ่งฉาวยิ่งดัง ความฉาวโฉ่ใน Notorious คือความอมตะของ Ingrid Bergman และ Cary Grant โดยผู้กำกับ Alfred Hitchcock”
- (=171) His Girl Friday (1940) : Howard Hawks ♥♥♥♥♡
“His Girl Friday หนัง Screwball Comedy ที่น่าจะไร้สาระของ Howard Hawks นำแสดงโดย Cary Grant และ Rosalind Russel แต่กลับตั้งคำถามเกี่ยวกับจรรยาบรรณ และความคอรัปชั่นของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง”
- (=171) Goodfellas (1990)
- (=171) The Umbrellas of Cherbourg (1964) : Jacques Demy ♥♥♥♥♡
“Les Parapluies de Cherbourg เรียบง่าย กินใจ เป็นหนังเพลงที่ทรงพลังที่สุดในโลก” - (=171) A Trip to the Moon (1902) : Georges Méliès ♠♠♠♠♠
“A Trip to the Moon ของผู้กำกับ George Méliès ถือว่าได้ทำความฝันของมนุษย์ชาติให้กลายเป็นจริง” - (=171) Sweet Smell of Success (1957)
- (=171) Kind Hearts and Coronets (1949)
- (=171) Tabu (1931)
- (=171) Earth (1930) : Alexander Dovzhenko ♥♥♥♡
“Earth คือหนังที่มีความงดงามดังบทกวี ทั้งงานภาพ การแสดง และเรื่องราวที่แฝงใจความอันลึกซึ้ง” - Breaking the Waves (1996)
- (=183) The Grapes of Wrath (1940) : John Ford ♥♥♥♥
“The Grapes of Wrath ของผู้กำกับ John Ford แม้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดของ Henry Fonda แต่ก็อ่อนโยนเบาลงด้วยความซาบซึ้งกินใจของ Jane Darwell” - (=183) Paris, Texas (1984) : Wim Wenders ♥♥♥♥♡
“Texas, Paris ของผู้กำกับ Wim Wenders ล่องลอยเรื่อยเปื่อยสู่เป้าหมายที่อาจเดินไม่พบคำตอบ แต่มีความสวยงามราวกับบทกวี” - (=183) E.T. (1982)
- (=183) Rome, Open City (1945) : Roberto Rossellini ♥♥♥♥
“Rome, Open City คือ Masterpiece ของ Roberto Rossellini ถึงการสร้างที่มีข้อจำกัดมากมาย แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ในระดับที่กลายเป็นเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของวงการภาพยนตร์อิตาเลี่ยน” - (=183) Faces (1968)
- (=183) The Music Room (1958) : Satyajit Ray ♥♥♥♥♡
“The Music Room คือห้องแสดงดนตรีแห่งศักดิ์ศรี กินไม่ได้แต่ฆ่าคนได้ สุดยอดหนังโดยปรมาจารย์ Satyajit Ray ต้องดูให้ได้ก่อนตาย” - (=183) The Story of the Late Chrysanthemum (1939)
- (=183) A Touch of Zen (1971) : King Hu ♠♠♠♠♠
“A Touch of Zen สัมผัสแห่งการหลุดพ้นของ King Hu ผลงานระดับ Masterpiece ที่สวยงาม ตราตรึง ลึกซึ้ง ไร้เทียมทาน” - (=183) Listen to Britain (1942)
- (=183) Day of Wrath (1943)
- (=183) The Thin Red Line (1998) : Terrence Malick ♥♥♥♥
“The Thin Red Line ตั้งคำถามปรัชญาสงคราม ความขัดแย้ง และการต่อสู้ งดงามวิจิตรในสไตล์ของ Terrence Malick” - (=183) Eraserhead (1976)
- (=183) The Texas Chain Saw Massacre (1974) : Tobe Hooper ♥♥♥
“The Texas Chain Saw Massacre คือ Masterpiece ของหนังแนว Horror สวยงามล้ำในแง่ของศิลปะ แต่ไร้ซึ่งขอบเขตจิตสำนึก เหตุผลทางมโนธรรม”
- (=183) The Discreet Charm of the Bourgeoisie (1972) : Luis Buñuel ♥♥♥♥♡
“The Discreet Charm of the Bourgeoisie นี่น่าจะเป็นหนังที่ดูง่าย สนุกที่สุด ตลกที่สุดของ Luis Buñuel” - (=183) The Conversation (1974)
- (=183) Out of the Past (1947)
- (=183) I Was Born, But… (1932) : Yasujirô Ozu ♥♥♥♥◊
“I Was Born, But… แม้จะเป็นผลงานในยุคแรกๆของ Yasujirô Ozu แต่ยังโดดเด่นในสไตล์และเรื่องราวแฝงแนวคิดการใช้ชีวิต ต่อเด็กและผู้ใหญ่”
- (=183) I Know Where I’m Going! (1945)
- The Death of Mr. Lazarescu (2005)
- (=202) Red Desert (1964)
- (=202) Chelsea Girls (1966)
- (=202) Badlands (1973)
- (=202) Kings of the Road (1976)
- (=202) There Will Be Blood (2007)
- (=202) WALL-E (2008)
- (=202) Berlin Alexanderplatz
- (=202) Videodrome (1983)
- (=202) Daisies (1966)
- (=202) Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives (2010)
- (=202) Manhattan (1979) : Woody Allen ♥♥♥♥♡
“Manhattan ผลงาน Masterpiece ของ Woody Allen สวยล้ำด้วยภาพขาว-ดำ ของ Gordon Willis และยิ่งใหญ่ทรงพลังด้วยบทเพลงของ George Gershwin” - (=202) Cleo from 5 to 7 (1962)
- (=202) West of the Tracks (2002)
- (=202) Russian Ark (2002)
- (=202) A Tale of Tales (1979)
- (=202) Spirited Away (2001) : Hayao Miyazaki ♥♥♥♥♥
“ถอดวิญญาณล่องลอยไปกับ Spirited Away ในโลกของ Hayao Miyazaki แค่เพียงบทเพลงของ Joe Hisaishi ก็ทำให้คุณไม่อยากหวนกลับคืนร่างแล้ว” - (=202) La Strada (1954) : Federico Fellini ♥♥♥♥♡
“La Strada คือเหตุผลการมีตัวตนของผู้กำกับ Federico Fellini มี Anthony Quinn กับ Giulietta Masina เป็นตัวตายตัวแทนได้อย่างซาบซึ้งกินใจที่สุดแล้ว” - (=202) Paisan (1946) : Roberto Rossellini ♥♥♥♡
“Paisà ของผู้กำกับ Roberto Rossellini แม้การสื่อสารทางภาษาจะเข้าใจไม่ตรงกัน แต่หนังมีใจความสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ทั้งในแง่เรื่องราวและสาสน์ในสื่อภาพยนตร์” - (=202) The Shop Around the Corner (1940) : Ernst Lubitsch ♥♥♥♥
“The Shop Around the Corner ร้านของผู้กำกับ Ernst Lubitsch ถึงจะหลบซ่อนอยู่ตรงหัวมุม แต่ James Stewart กับ Margaret Sullavan กลับไม่เคยเดินเข้าร้านผิด” - (=202) The Big Sleep (1946)
- (=202) Killer of Sheep (1977)
- (=202) Wanda (1970)
- (=202) Germany Year Zero (1948)
- (=202) The Life of Oharu (1952) : Japan – Kenji Mizoguchi
“The Life of Oharu อีกหนึ่ง masterpiece จาก Kenji Mizoguchi นำแสดงโดย Kinuyo Tanaka อย่าเพิ่งยอมแพ้ถ้าคิดว่าตัวเองโชคร้าย ไม่มีใครในโลกที่จะซวยได้มากกว่า Oharu อีกแล้ว”
- (=202) Army of Shadows (1969)
- (=202) Salò, or the 120 Days of Sodom (1975)
- (=202) Duck Soup (1933)
- (=202) The Devil Probably (1977)
- (=202) The Turin Horse (2011)
- (=202) Love Streams (1984)
- (=202) The Exterminating Angel (1962) : Luis Buñuel ♥♥♥♥
“The Exterminating Angel ถึง Luis Buñuel จะสามารถฉุดนางฟ้าให้ตกสวรรค์ได้สำเร็จ แต่ตัวเขากลับขึ้นสวรรค์กลายเป็นตำนานค้างฟ้า สอยยังไงก็ไม่มีวันตก”
- (=202) Floating Clouds (1955) : Mikio Naruse ♥♥♥♥
“Floating Clouds ผลงาน Masterpiece ของ Mikio Naruse ที่จะทำให้คุณล่องลองเหมือนก้อนเมฆ ตามหาจุดเชื่อมกันระหว่างความฝันกับความจริง” - The Piano (1993)
- (=235) Gone with the Wind (1939) : Victor Fleming
“Gone With The Wind หนังที่คุณต้องดูให้ได้สักครั้งก่อนตาย กับเรื่องราวสุด Epic ความยาวเกือบ 4 ชั่วโมง และ 2 นักแสดงนำที่เคมีเข้ากันที่สุด Clark Gable และ Vivien Leigh ดูจบแล้วคุณจะล่องลอยไปกับสายลมราวกับอยู่บนวิมาน” - (=235) Melancholia (2011)
- (=235) The House Is Black (1962)
- (=235) The Cabinet of Dr. Caligari (1920) : Robert Wiene ♥♥♥♥
“The Cabinet of Dr. Caligari สิ่งที่ซ่อนอยู่ในตู้ของผู้กำกับ Robert Wiene คือ German Expressionist ที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งสมบูรณ์แบบ” - (=235) Red River (1948) : Howard Hawks ♥♥♥♥
“Red River ลำธารที่ Howard Hawks ให้ John Wayne กับ Montgomery Clift ต้อนวัวข้ามไปนี้ มีความกว้างใหญ่อลังการที่สุดแล้ว”
- (=235) A Clockwork Orange (1971) : Stanley Kubrick
“A Clockwork Orange มนุษย์ที่เปรียบเสมือนเครื่องจักร อีกหนึ่ง Masterpiece จาก Stanley Kubrick นำแสดงโดย Malcom McDowell นี่คือหนังเรต X ที่รุนแรงแต่ยอดเยี่ยมมากๆ” - (=235) Two-Lane Blacktop (1971)
- (=235) An Autumn Afternoon (1962)
- (=235) The Thin Blue Line (1989)
- (=235) The World of Apu (1958) : India – Satyajit Ray
“Apur Sansar ปิดไตรภาค The Apu Trilogy ของ Satyajit Ray ได้อย่างสวยงามที่สุดในโลก” - (=235) The Testament of Dr. Mabuse (1933)
- (=235) My Darling Clementine (1946) : John Ford ♥♥♥♥
“My Darling Clementine คือภาพยนตร์ Western ที่มีความสุภาพอ่อนหวานที่สุดของ John Ford และ Henry Fonda”
- (=235) The Double Life of Veronique (1991)
- (=235) Kes (1969)
- (=235) Three Colors: Red (1994)
- (=235) The Big Lebowski (1998) : Joel Coen ♥♥♥♥♡
“The Big Lebowski หนังติสต์ๆของคนแนวๆ โดย Coen Brothers และสุดยอดการแสดงของ Jeff Bridges ที่อาจทำให้คุณกลายเป็น The Dude โดยไม่รู้ตัว”
- (=235) The White Ribbon (2010)
reference : http://www.bfi.org.uk/films-tv-people/sightandsoundpoll2012/critics