Debussy: Clair de lune
แสงจันทรายามค่ำคืน ตกกระทบพื้นผิวน้ำ มันช่างสงบงามและเศร้าสร้อย จิตวิญญาณล่องลอย โหยหาใครสักคนเคียงข้างกาย, Claude Debussy ใช้เวลาประพันธ์ Suite bergamasque ยาวนานกว่า 15+ ปี กลายเป็นบทเพลงอมตะ คละคลุ้งด้วยกลิ่นอาย Impressionist
บทเพลง Suite bergamasque (1890-1905) มีลักษณะ Piano Suite (บรรเลงด้วยเปียโน) ประกอบด้วย 4 Movement
- Prélude
- Menuet
- Clair de lune
- Passepied
แต่คนส่วนใหญ่มักรู้จักเพียงท่อนที่สาม III. Clair de lune ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า Moonlight, แสงจันทร์ ถูกนำมาบรรเลงในหลากหลายโอกาส ไม่ใช่แค่ประกอบโฆษณา ภาพยนตร์ ยังมักได้ยินตามห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ริมเล บรรยากาศชิลๆ สำหรับสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้มาใช้บริการ บางคนยังใช้กล่อมเด็ก เปิดฟังก่อนนอนจะได้หลับฝันดี
เกร็ด: ภาพวาดหน้าปกที่นำมาคือ Starry Night Over the Rhône (1888) ของ Vincent van Gogh
Claude-Achille Debussy (1862-1918) คีตกวี ‘Impressionist’ สัญชาติฝรั่งเศส เกิดที่ Saint-Germain-en-Laye, Seine-et-Oise ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุง Paris, ช่วงระหว่าง Franco-Prussian War (1870) ครอบครัวอพยพสู่เมือง Cannes ทำให้เด็กชาย Debussy วัยเจ็ดขวบมีโอกาสร่ำเรียนเปียโน ไม่นานนักก็ค้นพบพรสวรรค์ เลยถูกส่งเข้าศึกษายัง Conservatoire de Paris ขึ้นแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกเมื่อปี 1874 จากการเล่นบทเพลง Chopin: Piano Concerto No. 2 in F minor, Op. 21 คว้ารางวัล Deuxième Accessit (ที่สอง), ช่วงฤดูร้อน 1879 รับเล่นเปียโน (part-time) อยู่ที่ Château de Chenonceau ใช้เวลาว่างประพันธ์เพลงแรกในชีวิต ดัดแปลงจากบทกวีของ Alfred de Musset ประกอบด้วย Ballade à la lune และ Madrid, princesse des Espagnes
คีตกวีที่ถือเป็นแรงบันดาลใจคนสำคัญของ Debussy นั้นคือ Richard Wagner เมื่อมีโอกาสรับชมอุปรากร Tristan und Isolde เมื่อปี 1887 ถึงกับเอ่ยปากว่ายอดเยี่ยมที่สุด “the finest thing I know” แม้ผลงานของทั้งสองจะมีความแตกต่างคนละสไตล์ แต่สิ่งที่ส่งอิทธิพลคือแนวความคิดสร้างสรรค์
[Wagner] created a new, instinctive, dreamlike world of music, lyrical and pantheistic, contemplative and objective – a kind of art, in fact, which seemed to reach out into all aspects of experience.
Claude Debussy
หลังสำเร็จการศึกษา Debussy มีโอกาสเดินทางไปทำงาน Rome, Italy ไปๆกลับๆอยู่หลายปี จึงคาดกันว่าเริ่มต้นประพันธ์ Suite bergamasque ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1880s-1890s … คำว่า Bergamasque เป็นคำเรียกภาษาฝรั่งเศสของเมือง Bergamo, Lombardia อยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี ซึ่งมีความเก่าแก่ สถาปัตยกรรมเฉพาะตัว และได้รับยกย่องเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2017
ไม่มีใครรับรู้ว่า Suite bergamasque แต่งเสร็จ ไม่เสร็จ หรืออะไรยังไง คาดกันว่า Debussy น่าจะยังไม่พึงพอใจในผลลัพท์ เพราะเป็นงานประพันธ์ที่ยังไม่เติบโตนัก จึงไม่เคยนำออกเผยแพร่สู่สาธารณะ จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1905 ได้รับการติดต่อจากสำนักพิมพ์ เล็งเห็นโอกาสที่จะใช้จุดขาย ‘ประพันธ์นาน 15+ ปี’ จึงนำเอาบทเพลงนี้มาปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะสองท่อนสุดท้ายมีการเปลี่ยนชื่อ เรียบเรียงทำนองขึ้นใหม่
- ท่อนสามจากเดิม Promenade sentimentale (แปลว่า Sentimental walk) กลายมาเป็น Clair de lune
- และท่อนสี่จากเดิม Pavane กลายมาเป็น Passepied (ทั้งสองคำต่างคือชื่อประเภทบทเพลงเต้นรำ)
- Passepied ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า Pass-Foot เป็นท่าเต้นรำในพระราชวัง (Court Dance) เคยได้รับความนิยมช่วงศตวรรษที่ 16-18
- Pavane ก็เป็นชื่อประเภททเพลงเต้นรำจังหวะช้าของยุโรป ได้รับความนิยมในย่าน Padua (ประเทศอิตาลี) ช่วงศตวรรษที่ 16
และสำหรับ Clair de lune ยังได้แรงบันดาลใจจากบทกวีชื่อเดียวกันของ Paul-Marie Verlaine (1844-96) สัญชาติฝรั่งเศส ประพันธ์ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1869
ต้นฉบับฝรั่งเศส | แปลอังกฤษ |
---|---|
Votre âme est un paysage choisi Que vont charmant masques et bergamasques Jouant du luth et dansant et quasi Tristes sous leurs déguisements fantasques. Tout en chantant sur le mode mineur L’amour vainqueur et la vie opportune Ils n’ont pas l’air de croire à leur bonheur Et leur chanson se mêle au clair de lune, Au calme clair de lune triste et beau, Qui fait rêver les oiseaux dans les arbres Et sangloter d’extase les jets d’eau, Les grands jets d’eau sveltes parmi les marbres. | Your soul is a chosen landscape On which masks and Bergamasques cast enchantment as they go, Playing the lute, and dancing, and all but Sad beneath their fantasy-disguises. Singing all the while, in the minor mode, Of all-conquering love and life so kind to them They do not seem to believe in their good fortune, And their song mingles with the moonlight, With the calm moonlight, sad and lovely, Which makes the birds dream in the trees, And the plumes of the fountains weep in ecstasy, The tall, slender plumes of the fountains among the marble sculptures. |
ทั้งสี่ท่อนของ Suite bergamasque มีจังหวะ อารมณ์ วัตถุประสงค์การนำเสนอที่แตกต่างออกไป
- Prélude จังหวะปานกลาง (Moderato) เริ่มต้นด้วยท่วงทำนองเร่งเร้า มีชีวิตชีวา ดูน่าตื่นตาตื่นใจ ก่อนค่อยๆลดระดับความเร็วลงจนช้าเนิบ แต่ยังคงความงดงาม น่าติดตาม ชักชวนให้ผู้ฟังอดใจรอสักนิด ‘ช้าๆได้พร้าเล่มงาม’ ก่อนเข้าสู่ไคลน์แม็กซ์ที่ใครต่อใครเฝ้ารอคอย
- Menuet จังหวะช้าพอประมาณ (Andante) ท่วงทำนองมีความสนุกสนาน ร่าเริงขบขัน (Playful Comedic) ชักชวนผู้ฟังลุกขึ้นมาโยกเต้น เริงระบำ สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ โยนความตึงเครียดทิ้งไป
- Clair de lune จังหวะช้าพอประมาณ (Andante) จินตนาการถึงแสงจันทร์ตกกระทบผืนน้ำ มีความงดงามระยิบระยับ จิตวิญญาณล่องลอย สายลมพัดปลิดปลิว โหยหาใครสักคนเคียงข้างกาย จะได้ไม่อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว นั่งอยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป
- Passepied จังหวะค่อนข้างเร็ว (Allegretto) แต่มอบความรู้สึกเหมือนการกระโดดย่างเท้า รวดเร็วแต่น้ำหนักเบา ปลิดปลิวเหมือนปุยนุ่น ล่องลอยสู่ความเป็นนิจนิรันดร์
หลายปีที่ผ่านมา ผมเริ่มไม่ค่อยอินกับบทเพลงที่ชอบบดขยี้ บี้อารมณ์มากเกินไป โหยหาความเพียงพอดี ไม่เยิ่นเย้อยืดยาว ฉบับของ Walter Gieseking บันทึกเสียงปี ค.ศ. 1956 ถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป!
บังเอิญไปพบคลิปการตีความบทเพลงนี้ของ Lang Lang บรรเลงได้หยดย้อย หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า ส่วนตัวไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ใส่อารมณ์มากเกินไป แต่เหมาะกับคนที่อยากทำความเข้าใจบทเพลงนี้ผ่านมุมมองนักดนตรี ตีความอาจจะแตกต่างออกไป น่าจะมีประโยชน์มากๆเลยละ
มีภาพยนตร์นับไม่ถ้วน มากเกินไปด้วยซ้ำที่นำ Clair de lune มาเป็นเพลงประกอบพื้นหลัง อาทิ The Right Stuff (1983), And the Ship Sails On (1983), Ocean’s Eleven (2001), Man on Fire (2004), Atonement (2007), Tokyo Sonata (2008), The Twilight Saga: Eclipse (2010), Everything Everywhere All at Once (2022), The Creator (2023) ฯลฯ
ผมอยากกล่าวชมตัวอย่างภาพยนตร์ Godzilla, King of Monsters (2018) ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่ใช้ประโยชน์จากบทเพลง Clair de lune ได้อย่างน่าประทับใจ ปลุกคืนชีพสัตว์ประหลาด Mothra ที่ควรหลับใหลใต้แสงจันทร์ ฟื้นตื่นขึ้นมาเป็นตัวร้ายหลักของหนัง (มั้งนะ ผมยังไม่มีโอกาสรับชม)
อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องกล่าวถึงคือภาพยนตร์อนิเมชั่น Fantasia (1940) ดั้งเดิมเคยใช้ Clair de lune เป็นบทเพลง Opening Song แต่ผลลัพท์ออกมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยถูกปรับเปลี่ยนบทเพลงอื่นแทน ลองรับชมคลิป Delete Scene ดูเองก็แล้วกัน มีการทำอนิเมชั่นให้สอดคล้องภาพเคลื่อนไหว
ในบรรดาเพลงคลาสิกที่เกี่ยวกับแสงจันทร์ (Moonlight) ยามค่ำคืน (Nocturne) แน่นอนว่า Debussy: Clair de lune คืออันดับต้นๆที่สร้างความซาบซ่าน กินใจ ตอนผมได้ยินครั้งแรกๆก็ตกหลุมรัก ลุ่มหลงใหล แต่พอพบเห็นสื่อต่างๆมากมายนำมาใช้ประกอบพื้นหลัง ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเกิดความเบื่อหน่าย เอือมระอา ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา สูญเสียมนต์เสน่ห์ไปเรียบร้อยแล้วละ … ถ้าเลือกใช้อย่างสมเหตุสมผลก็ยังพอรับได้อยู่ละ
ความไพเราะของบทเพลงนี้ เวลานานๆฟังที ในวโรกาสที่เหมาะสมก็ยังเพราะพริ้งอยู่ ความตั้งใจของ Debussy คือสร้างสัมผัส Impressionist ไม่ใช่บดขยี้ หรือบีบเค้นคั้นทางอารมณ์ แต่ก็แล้วแต่รสนิยมชื่นชอบส่วนบุคคล ถือเป็นบทเพลงคลาสสิกเข้าถึงผู้ฟังในวงกว้าง ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ยินเกลื่อนกลาดมากมายขนาดนี้